หลายคนชื่นชอบภาพยนตร์แนวการต่อสู้บู๊ล้างผลาญ ชื่นชอบตัวเองในภาพยนตร์ลักษณะต่างๆที่มีพลังมีความสามารถโดดเด่นทั้งในเรื่องของพละกำลังและมันสมอง ตัวเองส่วนมากที่ผู้คนชื่นชอบอาจจะเป็นพระเอกนางเอกหรือตัวประกอบเท่ๆสักตัว แต่ผู้คนไม่น้อยเหมือนกันที่ให้ความสนใจตัวร้ายโรคจิตอย่าง โจ๊กเกอร์ ที่เป็นตัวร้ายที่น่าหวาดกลัวสนับสนุนให้แบทแมนมีความโดดเด่นและดูเป็นคนดีมากยิ่งขึ้น ตัวละครโจ๊กเกอร์มีหลายรุ่นหลายภาคและเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการสร้างภาพพิเศษ ที่นำเสนออีกมุมมองของจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้ามาเป็นตัวอันตรายระดับโลก แต่ละเรื่องแต่ละภาคก็มีความแตกต่างกันไปทั้งตัวแสดง ท่วงท่าลีลา และหลายคนที่เคยชม Batman the Dark Knight ปี 2008 มาแล้วก็คงจะติดอกติดใจกับบทบาทการแสดงของฮีธ เลดเจอร์ ดาราผู้ล่วงลับ ที่แสดงบทบาทออกมาได้อย่างสมจริงเข้าถึงอารมณ์ของผู้ร้ายโรคจิตที่หลายๆคนหวาดกลัว แนะนำหนังใหม่
โจ๊กเกอร์ ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของฮีธ เลดเจอร์
Batman ภาคนี้กำกับการแสดงโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่มีฉากการระเบิดจริงๆ และสถานที่ที่ถือว่าเป็นฉากตื่นเต้นอลังการก็คือฉากที่โจ๊กเกอร์ระเบิดตึกพยาบาล และด้วยความรู้จิตของเขาก็มีการแจ้งข่าวผ่านช่องทางต่างๆทั่วประเทศว่าจะระเบิดตึก แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรงพยาบาลไหน ทำให้ทั้งคนไข้พยาบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องขนย้ายผู้ป่วยกันอย่างวุ่นวายอลหม่าน โจ๊กเกอร์ ปลอมตัวไปเป็นนางพยาบาลและวางระเบิดไว้ตามจุดต่างๆ และฉากที่พริกที่สุดกลับกลายเป็นว่าเป็นฉากที่ โจ๊กเกอร์ กดระเบิดภายในโรงพยาบาล แล้วเดินออกมาถึงหน้าถนน จังหวะนี้ระเบิดบางลูกไม่ทำงาน ทำให้ โจ๊กเกอร์ จำเป็นจะต้องกดย้ำหลายที่ ซีนการแสดงนี้เป็นซิมที่ผ่านการคิดมาอย่างแยบยล และไม่ได้เป็นความผิดพลาดของการถ่ายทำแต่อย่างใด
โจ๊กเกอร์ ที่นำแสดงโดยดาราหนุ่มผู้ล่วงลับ มีการซ้อมฉากนี้เป็น 10 ครั้ง เพราะช่วงจังหวะช่วงเวลาที่เมื่อกดระเบิดแล้วระเบิดไม่ทำงานเจ้าตัวจะต้องแสดงความมึนงง และสอดแทรกความโรคจิตงงๆหน่อยๆ ฉากนี้เป็นฉากเด่นของหนังทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่คิดทำเป็นพฤติกรรมของผู้ร้ายโรคจิตที่เจ้าตัวเข้าไปคลุกคลีเก็บข้อมูลมาอย่างยาวนานก่อนการเริ่มแสดง ทำให้หนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ และทำให้เจ้าตัวได้รับรางวัลดาราสมทบชายยอดเยี่ยมในเรื่องอีกด้วย
ตัวร้ายจิตวิปริตอย่าง โจ๊กเกอร์ อาจจะมีความป่าเถื่อนตลบตะแลงปลิ้นปล้อน แต่หากมองเข้าไปลึกๆแล้วการแสดงออกของตัวร้ายโรคจิตคนนี้ เป็นการพิสูจน์ว่าความดีในแต่ละคนยังมีอยู่หรือไม่ เรื่องราวในภาพยนตร์ที่อาจจะทำให้ผู้ฟังผู้ชมรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ยังแฝงความคิดไว้ว่าในแต่ละคนก็มีความดีที่อยู่ในใจของตนเอง