Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง ภาพยนตร์เกาหลีที่ครองอันดับต้น ๆ

Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง เป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4 ปี หลังจากที่ดินแดนที่ฝูงซอมบี้กระหายเลือดออกอาระวาด เหลือผู้รอดชีวิตอยู่อีกไม่กี่คน และต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากซอมบี้นับหมื่น ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามตามหาคนที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นภารกิจอีกอย่างของผู้รอดชีวิตที่ต้องเผชิญก่อนจะถึงวันสิ้นโลก

Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง เป็นการปลุกกระแสของหนังซอมบี้ให้ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ได้ซบเซาไประยะหนึ่ง แต่เป็นซอมบี้เกาหลีที่น่าดู และน่าตื่นเต้นมากไม่แพ้ซอมบี้ฝรั่ง

เรื่องย่อ...Train to Busan Peninsula - ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง

เรื่องย่อ…Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง

Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ครองอันดับต้น ๆ ไว้ได้อย่างน่าภูมิใจ และยังเป็นผู้นำให้นักสร้างรายอื่น ๆ หันมาสร้างหนังประเภทนี้กันอย่างต่อเนื่อง แต่จะอย่างไรก็ตามยังไม่สามารถลบความเป็นหนึ่งของ Train to Busan ลงไปได้ แต่แล้วภาคต่อของหนังเรื่องนี้ก็คลอดออกมาในที่สุด

เรื่องย่อ...Train to Busan  Peninsula - ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง

เรื่องย่อ…Train to Busan : Peninsula-ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง เริ่มจาก เหตุการณ์ที่ซอมบี้กระหายเลือดได้ออกอาระวาดมาแล้วเป็นเวลาถึง 4 ปี ขณะเดียวกันประเทศก็ได้เกิดโรคระบาดอย่างรุนแรงซ้ำสอง ทำให้ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ต้องตายเป็นจำนวนมาก และที่ยังรอดอยู่ก็ต้องดิ้นรนเพื่อออกจากเมืองโรคระบาด หรือแม้แต่ประเทศนี้ให้ได้ ทั้งนี้เพื่อให้พ้นจากซอมบี้และโรคร้ายที่กำลังคุกคามอยู่อย่างโหดเหี้ยม ที่สุดแล้วประเทศเกาหลี ก็ต้องตกอยู่ในสภาพเขตกักกันโรคที่อันตรายสูงสุด

ทั้งนี้เพื่อการป้องกันเชื้อร้ายทั้งจากไวรัสและซอมบี้ไปพร้อมกัน และต้องกลายเป็นเมืองหรือประเทศร้างผู้คนไปในที่สุด ทำให้สิ่งของมีค่าต่าง ๆ แม้แต่เงินตราที่เคยได้รับการขนย้ายในช่วงวิกฤติไม่มีความหมายอีกต่อไป และได้ถูกทิ้งไม่ต่างจากเศษขยะ ทำให้ใครหลายคนคิดที่จะฉกฉวยมาเป็นของตน และได้ย้อยกลับเข้าไปเพื่อโอกาสทองนี้ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาในภาคต่อนี้

ผู้สร้างและผู้กำกับ Train to Busan  Peninsula - ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง

ผู้สร้างและผู้กำกับ Train to Busan : Peninsula-ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง สามารถเปลี่ยนสาระของหนังได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ จากหนังประเภทดราม่าระดับครอบครับมาเป็นแนวแอ็คชั่นได้อย่างแนบเนียน และสามารถเปลี่ยนความรู้สึกของคนดูได้อย่างรวดเร็ว เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและดูแล้วสนุกมาก แต่ก็นั่นแหละเพราะว่าเป็นหนังเกาหลี ก็ยังมีปมของเรื่องที่มีฉากดราม่าแบบไทย ๆ ปนอยู่ด้วยในช่วงท้ายเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นฉากที่ซ้ำกับในภาพแรกอยู่สักหน่อย ทำให้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แถมยังน่ารำคาญเสียด้วย มันเหมือนกับการยัดเยียดยังไงชอบกล ทำให้เนื้อเรื่องต้องยืดเยื้อออกไปอีกไม่น้อยกว่า 5 นาที

 คุณจะไม่พลาด ข้อมูลหนังดัง ที่คัดสรรและรวบรวมมาให้คุณได้รู้ก่อนใคร